เครื่องกรองอากาศ
เครื่องกรองอากาศ[edit]
เครื่องกรองอากาศ (Air Purifier) คือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมในอากาศ เช่น ฝุ่นที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) แบคทีเรีย ไวรัส ต้นเหตุที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่าง กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอับ กลิ่นเหม็นในบ้านให้หายไป ซึ่งเครื่องกรองอากาศทำงานโดยการดูดอากาศเข้าตัวเครื่องผ่านตัวกรองเพื่อดักจับสิ่งเหล่านี้เอาไว้ แล้วปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทน เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการจัดทำห้องปลอดฝุ่น
การเลือกเครื่องกรองอากาศ[edit]
ในการเลือกใช้เครื่องกรองอากาศเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดปริมาณฝุ่นละออง ควรดำเนินการตามคำแนะนำ ดังนี้
- ตรวจสอบความปลอยภัยของเครื่องเบื้องต้น จากการดูด้วยสายตา เช่น สายไฟ มอเตอร์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยไม่ควรมีความร้อนสูงขึ้นในบริเวณมอเตอร์ระหว่างที่เครื่องกรองอากาศทำงาน หรืออาจตรวจสอบจากการได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มอก.1516-254 (เฉพาะด้านความปลอดภัย)
- เลือกเครื่องกรองอากาศให้เหมาะกับขนาดห้องเครื่องกรองอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ดูค่า Clean Air Delivery Rate; CADR ซึ่งคือ ปริมาณการให้อากาศที่มีค่า CADR สูงจะเหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากมาตรฐานการผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องกรองอากาศ เฉพาะด้านประสิทธิภาพการลดอนุภาคละเอียด PM2.5 (มอก. 3061-2563)
ขนาดพื้นที่ห้อง (ตารางเมตร) | CADR (ลูกบาศ์กเมตรต่อนาที) | CADR ต่ำสุด (ลูกบาศ์กเมตรต่อนาที) |
---|---|---|
50 | 6.49 | 5.84 |
48 | 6.23 | 5.61 |
46 | 5.97 | 5.38 |
44 | 5.71 | 5.14 |
42 | 5.45 | 4.91 |
40 | 5.19 | 4.68 |
38 | 4.94 | 4.44 |
36 | 4.68 | 4.21 |
34 | 4.42 | 3.97 |
32 | 4.16 | 3.74 |
30 | 3.90 | 3.51 |
28 | 3.64 | 3.27 |
26 | 3.38 | 3.04 |
25 | 3.24 | 2.92 |
24 | 3.12 | 2.81 |
23 | 2.99 | 2.69 |
22 | 2.86 | 2.57 |
21 | 2.73 | 2.45 |
20 | 2.60 | 2.34 |
19 | 2.47 | 2.22 |
18 | 2.34 | 2.10 |
17 | 2.21 | 1.99 |
16 | 2.08 | 1.87 |
15 | 1.95 | 1.75 |
วิธีการติดต้ังเครื่องกรองอากาศ[edit]
- ควรติดต้ังในห้องปิด ทำความสะอาดบริเวณภายในห้องหรือบริเวณที่มีการติดตั้ง เครื่องกรองอากาศไม่ให้มีการสะสมของฝุ่น
- ไม่วางเครื่องกรองอากาศในบริเวณท่ีอากาศชื้น เช่น หน้าห้องน้ำ เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดการสะสมของเชื้อต่าง ๆ ภายในเครื่องกรองอากาศได้
- วางเครื่องกรองอากาศด้านที่ไม่มีการดูดอากาศเข้าไปใกล้กับผนัง เช่น บริเวณด้านหลังของ เครื่องไปใกล้กับผนังด้านใดด้านหนึ่งของห้องจะส่งผลให้ฟอกอากาศได้เร็วขึ้น และไม่มี ด้านใดของห้องที่เกิดการสะสมของฝุ่น
- ควรตั้งเครื่องกรองอากาศห่างจากผนังหรือ สื่งกีดขวางทางเดินลมอย่างน้อยประมาณ 10 เซนติเมตร
- ควรเปลื่ยนแผ่นกรองหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ตามระยะเวลาท่ีกำหนดไว้ในคู่มือหรือสังเกตจากแผ่นกรอง หากมีสะสมของฝุ่นปริมาณมากควรทำการเปลี่ยน
- ควรปฏิบัติตามคาแนะนาในคู่มืออย่างเคร่งครัด
มาตรฐานแผ่นกรองอากาศ[edit]
มาตรฐานของแผ่นกรองอากาศท่ีนิยมใช้ในเมืองไทยอ้างอิงจาก 2 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานทางอเมริกาและยุโรป
มาตรฐานทางอเมริกา[edit]
อิงจากชมรมวิศวกรด้านการทำความร้อน ความเย็นและ การปรับอากาศของอเมริกา (ASHRAE–American Society of Heating, Refrigerating and Air Conditioning Engineers, Inc.) ซึ่งมีมาตรฐานเกี่ยวกับการทดสอบแผ่นกรองอากาศโดยเฉพาะคือ มาตรฐาน ASHRAE 52 โดยมีการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขเป็น ASHRAE 52.1 และ ASHRAE 52.2
มาตรฐาน ASHRAE 52.1 แบ่งวิธีการทดสอบแผ่นกรองอากาศเป็น 2 ประเภท ตามประเภทของ แผ่นกรองอากาศ คือ แผ่นกรองอากาศขั้นต้น (Pre-Filter) และแผ่นกรองขั้นกลาง (Medium filter) โดยอาศัยความสามารถในการกรองฝุ่นตามคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของฝุ่นในอากาศเป็นตัวแบ่งประเภท โดยพื้นฐานแล้วฝุ่นที่อยู่ในอากาศมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ ฝุ่นหยาบที่มีน้ำหนักแขวนลอยอยู่ในอากาศไม่นาน และฝุ่นละเอียดมีน้ำหนักเบาและแขวนลอยในอากาศ อีกท้ังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
MERV–Minimum Efficiency Reporting Value เป็นมาตรฐาน ASHRAE ที่ปรับปรุงข้ึน เป็นมาตรฐาน ASHRAE52.2P-1999 โดยแบ่งระดับของประสิทธิภาพในการกรองออกเป็น 16 ระดับ คือ MERV 1–MERV 16 และทำการวัดโดยใช้ฝุ่นขนาด 0.3–10 ไมครอน โดยแบ่งขนาดออกเป็น 12 ช่วง และแบ่งช่วงกว้าง เป็น E1 (0.3-1.0 μ), E2 (1.0-3.0 μ), E3 (3.0-10.0 μ) เพื่อหาค่าเฉลี่ยและเทียบตารางเกณฑ์เพื่อกำหนดว่าแผ่นกรองที่ทดสอบน้ันอยู่ในเกณฑ์ MERV1–MERV16 ว่าจะเป็นระดับใด
มาตรฐานทางยุโรป[edit]
มาตรฐานทางยุโรป EN779-2002 และ EN1822-1998 ซึ่งการทดสอบตาม EN779 แบ่งประเภทของแผ่นกรองอากาศเป็นแบบหยาบคือ class G1–G4 และแบบละเอียดคือ F5–F9 ส่วนมาตรฐาน EN1822 เป็นการทดสอบมาตรฐานแผ่นกรองอากาศประเภท High Efficiency Particulate Absorption หรือ HEPA ได้แบ่งประเภทประสิทธิภาพของแผ่นกรองอากาศ คือ H10 – H14
สมาคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย ได้ระบุถึงการทำความสะอาดอากาศภายนอกตามมาตรฐาน 62.1 กาหนดไว้ดังนี้ คือ
- ฝุ่นขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ให้ใช้ Filter MERV 6 ขึ้นไป (แต่ถ้ามี Cooling Coil ด้วย ต้องใช้ MERV 8 ขึ้นไปเพื่อป้องกัน Cooling Coil)
- ฝุ่นขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ให้ใช้ Filter MERV 11 ข้ึนไป - PM2.5 ให้ใช้ Filter MERV 11 ข้ึนไป
- โอโซน (O3) ให้ใช้ Air Cleaning Device ท่ีมีประสิทธิภาพการขจัดโอโซนขั้นต่ำ 40% ขึ้นไป
สำหรับอายุการใช้งานของแผ่นกรองอากาศ โดยทั่วไปผู้ขายมักกำหนดว่าแผ่นกรองอากาศชั้นต้น (20-30% ASHRAE Dust spot efficiency) มีอายุการใช้งานได้ 3-6 เดือน แผ่นกรองอากาศช้ันกลาง (45-95% ASHRAE Dust spot efficiency) มีอายุการใช้งาน 6-12 เดือน และแผ่นกรองอากาศชั้นสุดท้าย (> 98% จนถึง HEPA, ULPA efficiency) อายุการใช้งานมากกว่า 1 ปี ถ้าหากบำรุงรักษาเปลี่ยนแผ่นกรอง และช้ันกลาง อาจมีอายุการใช้งานได้นานถึง 2 ปี ซึ่งผู้ผลิตไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจน เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและปริมาณฝุ่นละออง
เครื่องกรองอากาศประดิษฐ์[edit]
เครื่องกรองอากาศประดิษฐ์(DIY) การเลือกใช้เครื่องกรองอากาศแบบประดิษฐ์ เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สามารถนำอุปกรณ์มาประยุกต์และปรับปรุงมีหลักการทำงานที่ไม่ซับซ้อน โดยการนำอากาศผ่านตัวกรองชนิด HEPA หรือชนิดอื่น ๆ ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้มาประกอบ เข้ากับพัดลม ทั้งน้ี ควรเลือกอุปกรณ์ท่ีมีปลอดภัยและได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
สื่อเพิ่มเติม[edit]
อ้างอิงรูป[edit]
[2] รูปโดย ผศ.ดร.ภาสกร แช่มประเสริฐ